โรคไข้เลือดออก ภัยเงียบที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต การออกกำลังกาย TipTrick การดูแลสุขภาพ รู้จักโรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก ภัยเงียบที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

โรคไข้เลือดออก เป็นอีกโรคหนึ่งที่ใกล้ตัว สามารถพบผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ได้ในทุกเพศทุกวัย ซึ่งโรคไข้เลือดออกนี้ถือเป็นภัยเงียบที่ผู้คนส่วนใหญ่นั้นมองข้ามไป แต่ที่จริงแล้วนั้นโรคไข้เลือดออกนั้นรุนแรงและป้องกันได้ยาก เนื่องจากมียุงลายเป็นพาหะ ซึ่งทุกพื้นที่พบยุงลายโดยทั่วไปอยู่แล้ว

จึงพบว่าผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในปี 2562 สูงถึง 73,324 ราย จากสถิติพบผู้ป่วยมากขึ้นจากเดิมในปีก่อนหน้า ดังนั้นการป้องกันและดูแลตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เราห่างไกลจากโรคไข้เลือดออก นี้

โรคไข้เลือดออก ภัยเงียบที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต การออกกำลังกาย TipTrick การดูแลสุขภาพ รู้จักโรคไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออก ภัยเงียบที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

– สาเหตุของการเกิด โรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก เกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี ที่มียุงลายเป็นพาหะ ซึ่งหากยุงลายไปกัดผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสนี้ จะทำให้ยุงลายตัวนั้นมีเชื้อไวรัสเด็งกี และหากยุงตัวนี้ไปกัดคนที่มีร่างกายแข็งแรงทั่วไป คนนั้นจะสามารถป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นการแพร่เชื้อโรคนี้ไปเป็นวงกว้าง

– อาการของ โรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก ภัยเงียบที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต การออกกำลังกาย TipTrick การดูแลสุขภาพ รู้จักโรคไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออก ภัยเงียบที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
  • ระยะแรก ผู้ป่วยจะมีไข้สูงนานเป็นอาทิตย์ ซึ่งไข้นั้นจะสูงอย่างเฉียบพลัน และไม่ลดลงเลย ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะทานยาลดไข้แล้วส่วนใหญ่ไข้ก็จะยังคงสูงอยู่ ผู้ป่วยจะมีอาการตาแดง หน้าแดง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บางรายมีอาการอาเจียนร่วมด้วย อาการจะแตกต่างจากไข้หวัดใหญ่โดยไข้เลือดออกมักจะไม่มีอาการคัดจมูกหรือมีน้ำมูก แต่จะพบว่ามีผื่นแดงขึ้นที่ลำตัว ผื่นนี้จะไม่ทำให้เกิดอาการคัน จะขึ้นอยู่ประมาณ 2-3 วัน ในระยะนี้อาจพบว่าตับโต
  • ระยะที่สอง ระยะนี้ถือเป็นช่วงที่รุนแรงที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการช็อกและมีเลือดออก เนื่องจากอาการไข้นั้นจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันเกิดภาวะช็อกเกิดขึ้นได้ ตัวเย็น มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเร็วแต่เบา ความดันโลหิตต่ำ ร่างกายจะมีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆเนื่องจากเกิดภาวะเลือดออกตามผิวหนัง มีเลือดกำเดาออกร่วมด้วย บางรายอุจจาระเป็นเลือด ระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้าหากรักษาไม่ทันผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้
  • ระยะที่สาม เป็นระยะที่ผู้ป่วยนั้นกำลังฟื้นตัว หากรักษาได้อย่างทันท่วงทีผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้น ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน อาการของผู้ป่วยที่บ่งชี้ว่าพ้นขีดอันตรายแล้วคือสามารถทานอาหารได้เป็นปกติ สามารถลุกนั่งหรือทำกิจกรรมต่างๆเช่นไปเข้าห้องน้ำได้ด้วยตัวเอง เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าโรคไข้เลือดออก กนั้นสามารถเป็นได้ง่ายมาก แต่อาการของโรคค่อนข้างรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดเราควรป้องกันและกำจัดแหล่งแพร่พาหะอย่างยุงลาย เพราะลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้

#การออกกำลังกาย #TipTrick #การดูแลสุขภาพ #รู้จักโรคไข้เลือดออก