มีอาการป่วยอยู่หลายโรคเลยทีเดียวบนโลกใบนี้ที่มีการแสดงอาการออกมาใกล้เคียงกัน หากไม่ได้รับการตรวจสุขภาพในเบื้องลึกก็ยากที่จะทำให้รู้ว่าเรานั้นป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ และหนึ่งในโลกที่มีอาการใกล้เคียงกันไม่น้อยไปกว่าใครก็คือโรคไข้เลือดออกและโรคไข้หวัดใหญ่นั้นเอง เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับทั้งสองโรคนี้และความแตกต่างของพวกเขากัน
ทำความรู้จักกับไข้เลือดออก โรคร้ายที่ต่างจากไข้หวัดใหญ่และสามารถคร่าชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว
หลายคนอาจมองว่าโรคไข้เลือดออกนั้นเป็นโรคที่ไม่อันตรายเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ แต่ความเป็นจริงแล้วมันสามารถทำให้คุณถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว โรคดังกล่าวนั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่าเดงกี โดยยุงลายเป็นพาหะในการนำโรค มักพบเจอในประเทศเขตอบอุ่นและเขตร้อน ในประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว อาการโดยรวมของผู้ที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวคือจะมีไข้สูง รู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดบริเวณกระบอกตา หน้าแดง ปวดท้อง อาจมีผื่นขึ้นตามลำตัวและบริเวณข้อต่อ โดยปกติแล้วจะมีไข้สูงตั้งแต่ประมาณ 2 วันถึง 1 สัปดาห์ เป็นไข้สูงอุณหภูมิเกิน 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ทำให้บางรายอาจมีอาการชักได้หากตอนเป็นเด็กเคยมีประวัติการชักมาก่อน จะมีอาการเลือดออกบริเวณผิวหนัง มีจุดเล็กกระจายทั่วร่างกาย หากอาการรุนแรงจะถ่ายอุจจาระและอาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำ มีอาการตับโต เมื่อกดแล้วรู้สึกเจ็บ หากรุนแรงจะเกิดภาวะช็อกและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว หากไม่ได้รับการรักษาก็จะทำให้เสียชีวิตลงอย่างรวดเร็วใน 24 ชั่วโมง หากป่วยเป็นโรคดังกล่าวสิ่งที่ห้ามทำโดยเด็ดขาดก็คือการรับประทานยาที่มีส่วนผสมของไอบูโพรแฟนและไพลิน เนื่องจากมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ที่เกร็ดเลือดจะเสียการทำงานไปและเกิดการระคายเคืองกระเพาะจนทำให้เลือดออกง่ายขึ้นกว่าเดิม หากไข้ไม่ลดลงใน 2 วันให้รีบหาหมอโดยด่วน
ทำความรู้จักกับโรคไข้หวัดใหญ่ โรคที่เราจำเป็นต้องฉีดวัคซีนประจำทุกปี
รู้หรือไม่ว่าโรคไข้หวัดใหญ่นั้นอาจเป็นโรคที่ฟังดูธรรมดาทั่วไปแต่มันมีความร้ายแรงถึงขั้นที่เราต้องฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปีเลยทีเดียว แต่หลายคนไม่ตระหนักถึงความอันตรายเนื่องจากมักจะหายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วัน อาการที่พบบ่อยก็คือจะมีไข้สูง ปวดหัว ปวดตูด เจ็บคอ ไอ คัดจมูก รู้สึกอ่อนเพลีย โดยปกติแล้วอาการจะอยู่ไม่ถึง 1 สัปดาห์ แต่สำหรับเด็กแล้วสามารถเป็นได้นานถึง 2 สัปดาห์ แถมยังเสี่ยงที่จะติดเชื้อแทรกซ้อนอีกด้วยอย่างเช่นอาการปอดบวม ยิ่งหากเป็นผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวหรือเป็นโรคหอบหืดจะยิ่งทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม หากพบว่าป่วยเป็นโรคดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับประทานยาและรับการรักษา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในห้องที่มีอากาศถ่ายเท ให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายไปก่อน หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นและดื่มน้ำเกลือแร่ปริมาณมาก รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาได้
#การดูแลตัวเอง #ความรู้เรื่องโรค #ไข้หวัดใหญ่