ด้วยความที่โลกในปัจจุบันนี้มีโรคภัยไข้เจ็บมากมาย รูปแบบการติดต่อก็มีหลากหลายอย่างเช่นการติดต่อผ่านสารคัดหลั่ง การติดต่อผ่านพันธุกรรม หรือแม้แต่การติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์ ต้องยอมรับว่าในสังคมปัจจุบันนั้นเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้แม้แต่ในเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเองก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัยที่จะช่วยป้องกันทั้งการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมรวมไปถึงโรคติดต่อบางโรคได้ วิธีการสวมใส่แบบไหนเป็นวิธีการที่ถูกต้องและป้องกันได้อย่างแท้จริงไปดูกันเลย
วิธีการสวมถุงยางอนามัยอย่างไรให้ถูกต้อง
- การเลือกขนาด สิ่งสำคัญที่สุดในการสวมใส่ถุงยางอนามัยก็คือจะต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมกับขนาดของอวัยวะเพศชาย หากไม่มั่นใจว่าตัวเองต้องใช้ขนาดไหนในตอนแรกอาจลองซื้อมาหลายขนาดแล้วลองสวมใส่ดูก็ได้เช่นเดียวกัน โดยจะต้องสวมใส่เมื่ออวัยวะเพศแข็งเต็มที่แล้วและดูว่ามีความหลวมหรือคับมากจนเกินไปหรือไม่ หากหลวมจนเกินไปก็อาจจะทำให้หลุดระหว่างทางได้ แต่ถ้าคับมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัญหาถุงยางแตกได้เช่นเดียวกัน
- สวมเพียง 1 ชิ้นต่อ 1 ครั้ง สำหรับบางคนที่อยากจะป้องกันแบบหนาแน่นก็อาจมีการสวมถุงยาง 2 ชิ้นหรือมากกว่า 1 ชิ้นขึ้นไปต่อการใช้งาน 1 ครั้ง ซึ่งความเป็นจริงแล้วเป็นวิธีการที่ผิดและไม่ได้ช่วยให้สามารถป้องกันได้อย่างหนาแน่นตามที่เข้าใจได้แต่อย่างใด ซ้ำร้ายการใส่หลายชั้นต่อการใช้งาน 1 ครั้งยังทำให้ถุงยางจะเสียดสีกันจนขาดได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
- ใช้ 1 ครั้งต่อ 1 ชิ้น ต้องยอมรับว่าถุงยางนั้นก็ไม่ได้ราคาถูกเสียทีเดียว ยิ่งเป็นแบบบางพิเศษหรือแบบที่นำเข้ายิ่งมีราคาแพงมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ดังนั้นจึงมีบางคนเช่นเดียวกันที่ใช้ 1 ชิ้นมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งความจริงแล้วประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของถุงยางจะเกิดขึ้นในการใช้ครั้งแรกเท่านั้น การนำเอามาใช้ครั้งต่อไปจะไม่สามารถป้องกันทั้งโรคหรือการตั้งครรภ์ได้แต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อใช้เสร็จแล้วให้ทิ้งไปและห้ามเก็บมาใช้ต่อโดยเด็ดขาด
- การใช้เจลหล่อลื่น หากมีปัญหาเรื่องความหล่อลื่นเราสามารถใช้สารหล่อลื่นทาข้างนอกถุงยางได้เช่นเดียวกัน จะช่วยให้การสอดใส่สามารถทำได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม แต่ให้เลือกใช้ชนิดเจลเพราะชนิดน้ำมันนั้นจะทำให้ถุงยางฉีกขาดหรือเกิดการชำรุดขึ้นได้
รู้หรือไม่บางโรคถุงยางอนามัยก็ไม่ช่วย
เราอาจได้ยินมาว่าถุงยางอนามัยนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยจากทั้งปัญหาการตั้งครรภ์แบบไม่พร้อมหรือการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ แต่ความจริงแล้วยังมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคเช่นเดียวกันที่ถึงจะสวมใส่ถุงยางแต่ก็ไม่ค่อยช่วยอะไรนั่นก็คือเริมและหูดหงอนไก่นั่นเอง เนื่องจากมันเป็นโรคที่สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสทางผิวหนังได้ แต่อย่างน้อยมันก็จะช่วยให้เราไม่ติดไปถึงส่วนด้านในของอวัยวะเพศซึ่งจะช่วยให้การรักษาง่ายมากขึ้นกว่าเดิม
#ความรู้ #สุขภาพ #ถุงยางอนามัย